วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2557

ครั้งที่ 2

การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ

กลุ่ม 101 เวลา 12.20 - 15.00 น.

วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ.2557

ความรู้ที่ได้รับ
เด็กที่มีความต้องพิเศษ (Chidren with special needs)
เด็กปฐมวัยที่ความต้องการพิเศษ (Early childhood with special needs)
  1. ทางการแพทย์   มักจะเรียกเด็กที่มีความต้องการพิเศษว่า เด็กพิการ หมายถึง เด็กที่มีความผิดปกติ มีความบกพร่อง สูญเสียสมรรถภาพ อาจเป็นความผิดปกติความบกพร่องทางร่างกาย การสูญเสียสรรถภาพทางสติปัญญา ด้านจิตใจ
  2. ทางการศึกษา   เด็กที่มีความต้องการทางการศึกษาเฉพาะของตัวเองซึ่งจำเป็นต้องจัดการศึกษาให้ต้องไปจากเด็กปกติทางด้านเนื้อหา หลักสูตร กระบวนการที่ใช้ประโยชน์และประเมินผล (เด็กพิเศษแตกต่างกันออกไปเขียนแผน 1ชิ้น / 1คน)
สรุป
  1. เด็กที่ไม่อาจพัฒนาความสามารถได้เท่าที่ควรจากการให้การช่วยเหลือและการสอนตามปกติ
  2. มีสามเหตุจากสภาพความบกพร่องทางร่างกายสติปัญญาและอารมณ์
  3. จำเป็นต้องได้รับการกระตุ้น ช่วยเหลือบำบัดและฟื้นฟู
  4. จัดการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับลักษณะและความต้องการของเด็กแต่ละบุคคล
(All Childreh can learn ) เด็กทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ไม่ว่าเด็กคนนั้นจะเป็นยังไงก็ตาม

  • พฤติกรรมและพัฒนาการของเด็กที่มี่ความต้องการพิเศษ
  1. การเปลี่ยนแปลงในด้านการทำหน้าที่และวุฒิภาวะของอวัยวะต่างๆ
  2. ทำให้สามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

  • เด็กที่มีความบกพร่องทางการพัฒนาการ

  1. มีพัฒนาการล่าช้ากว่าเด็กปกติในวัยเดียวกัน
  2. พัฒนาการล่าช้าอาจเพียงด้านใดด้านหนึ่งหลายด้านหรือทุกด้าน (ถ้าเด็กบกพร่องด้านหนึ่งที่กระทบทุกด้าน)
  3. มีพัฒนาการล่าช้าในด้านหนึ่งอาจส่งผลให้พัฒนาการในด้านอันล่าช้าด้วย
  • ปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาเด็ก
1. ปัจจัยด้านชีวภาพ
2. ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมก่อนคลอด
3.ปัจจัยด้านกระบวนการคลอด
4.ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมหลังคลอด

สาเหตุที่ทำให้เกิดความบกพร่องทางการพัฒนา

1. พันธุกรรม เด็กจะมีพัฒนาการล่าช้ามาตั้งแต่เกิดหรือสังเกตได้ว่าระยะไม่นานหลังเกิดมักมีลักษณะผิดปกติแต่กำเนิดร่วมด้วย(แฝง)Aldinism โรคคนเผือก ไม่มีเม็ดสีมิลูนิค





Neurofibro mitosis โรคเท้าแสนปม ออกตุ่มตามร่างกาย
  1. ปานสีกาแฟใส่นมอย่างน้อย 6ตำแหน่ง
  2. พบก้อนเนื้องอกตามผิวหนัง 2 ตุ่มขึ้นไป
  3. พบกระที่บริเวณรักแร้ หรือขาหนีบ
  4. พบเนื่องอกของเส้นประสาท
  5. พบเนื้องอกของม่านตา 2 แห่งขึ้นไป
  6. พบความผิดปกติของกระดูก
  7. มีประวัติคนในครอบครัวเช่นโรคนี้ Cleft Lip / Cleft Palate บกพร่อง/เพดานโหว่ง รีบรักษา รีบศัลยกรรม เกิดจากพันธุกรรม แต่สาเหตุหลักยังไม่มีใครทราบเกิดจากอะไร
  • แหล่งไม่สมบรูณ์
  • แหล่งสมบรูณ์
  • แหล่งไม่สมบรูณ์ ซ้าย/ขวา

ธาลัสซีเมีย

  1. ซีด
  2. หน้าผากกว้าง
  3. โหนกแก้มสูง
  4. ตาเหลือง
  5. ผิวคล้า
  6. จมูกแฟบ
  7. ตัวเล็กผิดปกติ
  8. ตับม้ามโต
  9. อาจไม่มีความเจริญทางเพศ
  10. เม็ดเลือดจะไม่แข็งแรง เม็ดเลือดจะผิดรูป

2. โรคของระบบประสาท  มีความบกพร่องพัฒนาการส่วนใหญ่มักมีอาการหรือแสดงทางระบบประสาทร่วมด้วย



3. การติดเชื้อ
  • ติดเชื้ออยู่ในครรภ์ น้ำหนักต่างแรกเกิดน้อย ศีรษะเล็กกว่าปกติอาจมีม้ามโต การได้ยินบกพร่องต้อกระจก
  • ติดเชื้อรุนแรงภายหลังเกิด เช่นสมองอักเสบ เยื้อหุ้มสมองอักเสบถ้าเป็นอาจบกพร่องทางสติปัญญา

    


     4. ความผิดปกติเกี่ยวกับเมตาบอลิซึม 
  • โรคที่ยังเป็นปัญหาสาธารณะสุขไทย คือ ไทรอยด์ ฮอร์โมนในเลือดต่ำถ้าปล่อยจะบกพร่องทางสติปัญญา

      5. ภาวะแทรกซ้อนระยะแรกเกิด

  • การเกิดก่อนกำหนด น้ำหนักตัวน้อยแรกเกิด และภาวะขาดออกซิเจน **เด็กอาจพิการทางสมอง**

      6. สารเคมี
  • ตะกั่วเป็นสารที่มีผลกระทบต้องดักและมี่การศึกษามากที่สุด
  • มีอากาศซึมเศร้า เคลื่อนไหวช้า ผิวดำหมองคล้ำเป็นจุดๆ
  • ภาวะตับเป็นพิษ
  • ภาวะสิติปัญญาตับ

แอลกอฮอล์
  • น้ำหนักแรกเกิดน้อย                      
  • สติปัญญาบกพร่อง
  • บกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์      
  • น้ำหนักหลังเกิดน้อยศีรษะ
      

Fetal alcohol Syndrome ,FAS
  • ช่องตาสั้น   
  • ริมฝีปากบนเรียบ
  • ริมฝีปากบนยาวและบาง   
  • จมูกแบน
  • ปลายจมูกเชิดรั้น
    
นิโคติน
  • ลูกมีโอกาสตายตั้งแต่อยู่ในท้อง                 
  • น้ำหนักน้อยสารอาหาร
  • เพิ่มอัตราการตายในวัยทารก           
  • สติปัญญาบกพร่อง
  • สมาธิสั้นพฤติกรรมถ้าจะสร้างมีปัญหาด้านการเข้าหาสังคม

      7.การเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสมรวมทั้งการขาดสารอาหาร
      8.สาเหตุอื่นๆ

  • อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเด็ก
อาการของเด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ

  • พัฒนาการล่าช้าซึ่งอาจจะพบมากกว่าๆด้าน
  • ปฏิกิริยาสะท้อน (Primitive Reflex) ไม่หายไปแม้จะถึงช่วงอายุที่ครวจะหายไป (จะเกิดกับเด็กทุกคน)

แนวทางการวินิจฉัยเด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ
  1. การซักประวัติ

  • โรคประจำตัว,พันธุกรรม         
  • การเจ็บป่วยในครอบครัว
  • ประวัติฝากครรภ์          
  • ประวัติเกี่ยวกับการคลอด
  • พัฒนาการที่ผ่านมา               
  • การเล่นตามวัย การช่วยเหลือตนเอง
  • ปัญหาพฤติกรรม
เมื่อซักประวัติแล้วจะสามารถบอกได้ว่า
  • พัฒนาการล่าช้าเป็นแบบคงที่ หรือถดถอย
  • มีระดับพัฒนาการช่วยหรือไม่อย่างไร อยู่ไหนระดับไหน
  • มีข้อบกพร่องว่ามีสาเหตุจากโรคทางพันธุกรรมหรือไม่
  • ได้รับการช่วยเหลือและฟื้นฟู

     2.  การตรวจร่างกาย
  • ตรวจร่างกายที่ใช้การเจริญเติบโต              
  • ภาวะตับม้ามโต
  • ระบบประสาทและวัดรอบศีรษะด้วยเสมอ     
  • ผิวหนัง
  • ดูลักษณะของเด็กที่ทารุณกรรม

     3.  การสืบค้นทางห้องปฏิบัติการ
     4.  การประเมินพัฒนาการ
  • การประเมินแบบไม่เป็นทางการ คือ การสังเกต
  • การประเมินที่ใช้ในเวชปฏิบัติ
  • แบบทดสอบ Denver LL
  • Gesell Drawing Test
  • แบบประเมินพัฒนาการเด็กตามคู่มือส่งเสริมพัฒนาการเด็ก แรกเกิด-5ปีสถาบันราชานุกูล
สรุปความรู้ที่ได้รับ
  1. ศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับลักษณะความบกพร่องของเด็กให้มากที่สุด ทั้งอีกทั้งยังทำให้พ่อแม่มีหลักในการรับมือกับอนาคตของเด็กอีกด้วย
  2. สร้างกิจวัตรที่เหมาะสมสำหรับครอบครัวที่เอื้อต่อลูกที่มีความต้องการพิเศษ
  3. เข้าใจธรรมชาติของเด็กแต่ละคน

การประเมิน
  • ตนเอง : 92 % เข้าเรียนตรงเวลา เข้าใจเนื้อหาที่อาจารย์ได้สอน อาจมีคุยบ้างระหว่างเรียน
  • เพื่อน : 95 % เพื่อนตั้งใจฟัง ให้ความร่วมมือในการตอบคำถาม
  • อาจารย์ : 98 % มาสอนตรงต่อเวลา มีเคล็ดลับ ข้อคิดเห็น แนะนำนักศึกษาตลอด เป็นเกร็ดความรู้
























ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น